ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

ตามรอย "ม.มหิดล ศาลายา " ดินแดนขนหัวลุก



       สวัสดีครับ หากถามว่า "มหาวิทยาลัยไหนผีดุสุด ?" พี่ลาเต้ เชื่อว่าหลายๆ คงมีคำตอบอยู่ในใจว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล" แน่นอน โดยเฉพาะวิทยาเขตศาลายา ว่าแต่ก่อนจะไปอ่านเรื่องลี้ลับของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เรามาทำความรู้จักดินแดน "ศาลายา" กันก่อนดีกว่า ว่าดินแดนแห่งนี้มีที่มาอย่างไร อดีตคืออะไร และทำไมถึงผีดุ

       สมัยก่อนเคยได้ฟังตำนานจากคนเก่าคนแก่ของ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่าพื้นที่ในเขต "ศาลายา" คือชื่อตำบลหนึ่งที่ตั้งอยู่ใน จ.นครปฐม ในอดีตศาลายานี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งซ่องสุมโจรและเลื่องลือกันว่า "ผีดุ" มักปรากฏตัวให้ใครต่อใครเห็นอยู่เป็นประจำ



       ชื่อ "ศาลายา" มีเล่าต่อกันมาหลายทาง สมัยก่อนศาลายาจะเป็นชื่อที่คู่มากับ "ศาลา ทำศพ" ซึ่งมีผู้สันนิษฐานว่า แต่ก่อนสถานที่ 2 แห่งนี้ น่าจะเคยมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนเจ็บไข้ล้มตายกันมาก จึงมีการตั้งศาลาขึ้นจ่ายยาแก่คนเจ็บเหล่านั้น และเมื่อล้มตายก็จัดการเผาศพจึงมีชื่อทั้ง "ศาลายา" และ "ศาลาทำศพ" ต่อมาเห็นว่าชื่อ "ศาลาทำศพ" ไม่เป็นมงคลจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "ศาลาธรรมสรพณ์" และยังใช้ในปัจจุบัน

       ในอดีตอีกมุมหนึ่งของคนเก่าแก่ ก็เล่าว่า "ศาลายา" เป็นที่เปลี่ยว ห่างไกลความเจริญมาก ยังไม่มีถนนหนทางตัดผ่าน ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นเวลาป่วยไข้ไม่มีใครกล้าออกไปหาหมอ จึงมีผู้เมตตาสร้างศาลาให้หลังหนึ่ง และนำเอาสมุนไพรที่รักษาโรคได้มาแขวนไว้เป็นทาน ให้คนเอาไปใช้รักษา ใครต้องการยาอะไรก็จะไปเลือกหาเอาที่ศาลานั้น จึงเรียกที่แห่งนั้นว่า "ศาลายา" เรื่อยมา

       ความเป็นมาของที่ดินบริเวณศาลายาแต่เดิมเป็นของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และเป็นมรดกตกทอดมาถึงสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ต่อมาเจ้านายบางพระองค์ขายตกทอดไปเป็นของชาวบ้านบ้าง บางส่วนถูกเวนคืนไปเป็นพุทธมณฑลบ้าง และบางส่วนก็เป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

       รวมถึงที่ดินที่เป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบันก็เป็นที่ดินพระราชมรดกจากรัชกาลที่ 4 ตกทอดมายังรัชกาลที่ 9 มาในรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้มหาวิทยาลัยมหิดลซื้อที่ดินส่วนพระองค์ ในราคาถูกเป็นพิเศษจำนวน 1,250 ไร่ เพื่อสร้างเป็นมหาวิทยาลัย ทำให้ชาวบ้านที่เคยอาศัยทำกินอยู่ที่พื้นที่นั้นค่อยๆ อพยพออกไปจนหมดแต่สิ่งที่เหลืออยู่มากมายบนที่ดินนั้นก็คือศาลพระภูมิ และศาลเจ้าที่ ซึ่งถูกทิ้งให้หักพังโดยส่วนใหญ่ไม่มีใครเหลียวแลจะมีก็บางครอบครัว ที่นานๆจะกลับมาไหว้ศาลเก่าของตน เพราะยังผูกพันกับเจ้าที่เดิม

       ได้ฟังประวัติกันไปแล้ว คราวนี้มาฟังเรื่องเรียลๆ กันดีกว่าครับ กับ 3 เรื่องผีที่เขาว่ากันว่าหลอดสุดระดับตำนานของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ไปอ่านกันเลยครับ



เพลงรักน้อง
       "เจ้านกน้อย ล่องลอยโผบิน จากแผ่นดินทะเลสีคราม..." นั่นคือเนื้อเพลงรักน้อง หรือเจ้านกน้อยอย่างที่ใครหลายๆ คนพูดจนชินปาก เพลงอาถรรพ์ของชาวศาลายามีเรื่องเล่ากันว่ามีนักศึกษาคณะพยาบาลคนหนึ่ง ถูกพ่อแม่บังคับให้เรียนในสายที่ไม่เต็มใจ ด้วยความเสียใจ คิดว่าไม่มีใครเข้าใจอีกแล้ว นักศึกษาพยาบาลคนนั้นจึงปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าของหอพัก และเขียนข้อความสั้นๆ นี้ไว้ จากนั้นได้ทิ้งร่างลงมาสู่พื้นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

       นับจากนั้นมา เพลงรักน้อง จึงเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกความระลึกถึงนักศึกษาพยาบาลคนนั้น ชาวศาลายาจะถือกันว่า เพลงนี้ห้ามร้องในเวลากลางคืน และถ้าใครคนใดคนหนึ่งร้องขึ้นมาแล้ว ต้องร้องต่อจนจบเพลง มิฉะนั้นจะเท่ากับเป็นการเรียกนักศึกษาพยาบาลคนนั้นจากพื้นดินมาสู่เจ้าของเสียง ในบางครั้งก็ปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นน้องที่เข้าใหม่เห็นในลักษณะกระโดดลงจากดาดฟ้าหอพัก เมื่อนักศึกษาคนนั้นตั้งสติได้และเรียกให้คนมาช่วย พอไปถึงจุดเกิดเหตุกลับปรากฏว่า ไม่มีร่องรอยใดๆอยู่เลย

ห้องน้ำเสีย

       ห้องน้ำนี้ไม่ได้รับการเปิดเผยว่าอยู่ในหอใด แต่มีเรื่องเล่าว่า.. นักศึกษาชายที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำนั้น มักได้ยินเสียงร้องไห้ระงมจากประตูเจ้ากรรมเสมอๆ เมื่อมองผ่านจากหอตรงข้าม ก็มีคนสังเกตเห็นว่าบริเวณขื่อมีเชือกผูกอยู่จริง แม่บ้านที่ทำความสะอาดประจำชั้นนั้นก็หายหน้าหายตาไป เจ้าหน้าที่หอก็ชี้แจงต่อข่าวลือน้ำขุ่นๆ ว่า "เค้ากลับต่างจังหวัด" ในปัจจุบันห้องน้ำห้องนี้ได้เปิดใช้งานตามปกติแล้ว.. ถ้าเข้าไปแล้วเห็นแม่บ้านผิวดำผมหยักศกยิ้มให้ คุณคือผู้โชคดีแล้ว


                        http://www.dek-d.com/lifestyle/35141/



รวมสุดยอดเรื่องผี

             

        สวัสดีครับ เรืองลี้ลับในสถาบันและ พี่ลาเต้ มาแล้วครับ สัปดาห์นี้ยังคงมอบความหลอนให้กับน้องๆ เฟรชชี่มหาวิทยาลัยต่างๆ โดยสัปดาห์นี้คัดมา 3 มหาวิทยาลัยที่ถูกโหวตว่าเด็ดที่สุด หลอนที่สุด มาอ่านพร้อมกันเลยครับ แล้วมาโหวตกันว่าเรื่องไหนเด็ดสุด พี่ลาเต้ ใบ้ให้ว่าเรื่องสุดท้าย ติดตาพี่มากเลยตอนนี้ T T

   คืนวันมหิดล    

        อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับวันสำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งกล่าวถึงนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราช (ต่อไปจะขอเรียกสั้นๆ ว่า SI) ที่จะกลับมาเยี่ยมเยียนหอพักในวันนี้ของทุกปี เขาแต่งกายด้วยชุดนักศึกษา เสื้อนั้นย้อมด้วยเลือด และร่างเต็มไปด้วยบาดแผล เรื่องนี้จัดเป็นอันดับต้นๆ ของความเฮี้ยนสุดยอดในวิทยาเขตศาลายา

        นักศึกษาแพทย์คนนี้ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะข้ามถนนมายังมหาวิทยาลัยอาจเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่รู้ตัวว่าได้เสียชีวิตไปเรียบร้อยแล้ว ห้องพักดังกล่าวที่นักศึกษาแพทย์คนนี้อาศัยอยู่กลายเป็นเรื่องถูกปิดตาย ทราบแต่เพียงว่าเตียง C ของนักศึกษา SI ในคืนวันมหิดลเท่านั้นที่จะพบเห็นเค้าได้ ถ้าอยากทราบว่าความเฮี้ยนนั้นจัดขนาดไหน ก็ลองสัมผัสได้จากบรรยากาศที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ในคืนนี้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นที่สนุกปากขนาดไหนก็ตาม
   เฟรชชี่ ม.ขอนแก่น    

        มีรุ่นน้องเฟรชชี่กาลพฤกษ์ปี 43 เขาสอบติดคณะหนึ่งที่ ม.ขอนแก่นแห่งนี้ แล้วเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาสอบสัมภาษณ์พร้อมพ่อกับแม่ แต่เดินทางมาถึงช่วงกลางดึกพอดี จึงไม่มีที่พัก โชคดีที่มีรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งมาเห็น และขออาสาพาน้องเฟรชชี่มาพักที่หอพักใกล้โรงชาย พ่อกับแม่พอเห็นว่ามีพี่ที่ดูแลแล้ว ก็วางใจ พอเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนหอแล้ว พ่อกับแม่น้องก็เลยกลับ

        ด้านรุ่นพี่พอจัดที่นอนให้น้องแล้ว ก็ขอตัวลงไปทำธุระปล่อยให้น้องเฟรชชี่รายนั้นนอนพักอยู่คนเดียว จนกระทั่งน้องเฟรชชี่ได้ตื่นขึ้นมาวันรุ่นขึ้น กลับพบว่าห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยฝุ่น และใยแมงมุม เมื่อลงมาจากหอเห็นสภาพของหอน้องแทบจะเป็นลมเลยทีเดียว เพราะสภาพหอพักชายแห่งนี้ดูเหมือนจะร้างมาไม่ต่ำกว่า 2 ปีแล้ว
   หอ 50 ปีนักเรียนแลกเปลี่ยน    

        เขาเล่ากันว่าที่หอ 50 ปี นานมาแล้วมีนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากจีนกระโดดตึกลงมาเสียชีวิต เล่ากันว่าสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้เพราะเธอกลุ้มใจหลายๆ เรื่อง หลังจากนั้นมีคนทรงมาเชิญวิญญาณเธอไป แต่เธอก็ไม่ยอมไป

        ต่อมามีรุ่นน้องเด็กปี 1 ที่ต้องเข้ามาอยู่หอนี้ ตอนกลางคืนมักจะมีเรื่องหลอนๆ เกิดขึ้น เช่น เห็นประตูเปิด-ปิดเอง หรือบางคืนก็เห็นนักศึกษาหญิงแลกเปลี่ยนคนนั้นยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้อง หรือหนักสุดในบางวันนักศึกษาหญิงคนนั้นก็โดดขึ้นๆ ลงๆ ตึกอยู่อย่างนั้น…ทั้งคืน!!

4 จุดสังเกตเลือกหอพักมหาลัยยังงให้ไร้ผี


            สวัสดีครับ เรื่องลี้ลับในสถาบันสัปดาห์นี้เป็นตอนพิเศษครับ เพื่อเข้ากับกระแสประกาศผลแอดมิชชั่น ต้อนรับเฟรชชี่เข้าสู่ชีวิตมหาวิทยาลัย

           ถือเป็นเรื่องหนักอกระดับชาติมากๆ เพราะไม่ว่าค่าหอจะแพง รูมเมทจะสกปรกแค่ไหน เฟรชชี่ทั้งหลายก็ยังทนได้ แต่หากหอนั้นมี "ผอ-สระ-อี ผี" ยังไงก็ไม่ขอทนแน่นอน ขอเผ่นก่อนเลย -*- ว่าแล้วช่วงนี้พอเหมาะพอดีกำลังเข้าสู่เทศกาลที่น้องๆ เฟรชชี่มหาวิทยาลัยต่างๆ เริ่มมองหาหอพักกันแล้ว พี่ลาเต้ ก็เลยมีข้อมูลดีๆ กับ "4 จุดสังเกตเลือกหอพักมหา'ลัยให้ไร้ผี" มาฝากกันครับ (แหมมม เรื่องผีๆ นี่ต้องพี่ลาเต้คนเดียว หึหึ)



  เลขห้องต้องต่อเนื่อง   
           เขาเล่ากันว่าหอไหน เลขที่ห้องไม่ต่อเนื่อง หรือเรียงกัน เช่น ห้อง 201 - 202 - 203 - 14204 - 205 ให้น้องๆ จับตาห้อง 14204 ไว้ให้ดี เพราะอาจเป็นห้องที่เจ้าของคนเก่าเสียชีวิตขณะที่เช่าอยู่ ทางความเชื่อของหอต่างๆ จึงมักจะเปลี่ยนเลขห้องให้ต่างไปจากเดิม เพราะเชื่อว่าวิญญาณเจ้าของคนเก่าจะได้ไม่กลับมารบกวนเจ้าของห้องปัจจุบัน (ต่อให้ไม่รบกวน ก็ขอไม่อยู่แล้วกันนะคร้าบ O_O")

  สืบประวัติจากข่าว   
           อันนี้ พี่ลาเต้ มีประสบการณ์จริงมาประกอบครับ "เพื่อนพี่คนนึง เป็นเด็กชุมพรแต่มาเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ตระเวนหาหอนานอยู่ร่วมเดือน จนกระทั่งมีรุ่นพี่มาแนะนำหอแห่งนึงซึ่งไม่ไกลมากนัก และราคาถูกด้วย เพื่อนพี่ก็ตัดสินใจเลยว่าจะอยู่หอนี้แน่ๆ (เพราะขี้เกียจหาแล้ว) จึงเอาชื่อหอไปค้นหาใน "Google" เพื่อดูว่าเส้นทางจากหอมามหาวิทยาลัย ต้องเดินทางยังไง ปรากฏว่าสิ่งที่เจอคือ "หอแห่งนี้เคยลงข่าว นสพ.จากเหตุมีสามีภรรยาทะเลาะวิวาท และฆาตกรรมกัน" O_O ทำเอาเพื่อนพี่หักหลบแทบไม่ทัน หึหึ

  ห้องทาง 3 แพร่ง   
            บางทีการสร้างหอพักนักศึกษา เจ้าของก็หวังแต่ผลกำไร ตรงไหนว่างพอจะได้สร้างห้องได้ ก็จัดการสร้างเพื่อโกยเงินทันที หารู้ไม่ว่า "ตำแหน่ง" ห้องนี้มันเหมาะสมแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห้องที่อยู่ตำแหน่งทาง 3 แพร่ง คนโบราณจะมีความเชื่อว่าเป็นทางผ่านของวิญญาณเร่ร่อน ดังนั้นเลี่ยงห้องพวกนี้จะดีกว่า และหากสังเกตดีๆ ห้องพวกนี้จะราคาถูกเว่อร์จนน่าแปลกใจ

  "หอใน" ต้องทำใจ   
             หากน้องๆ คนไหนที่มหาวิทยาลัยบังคับให้อยู่ "หอใน" ก็ต้องทำใจยอมรับไว้เลยว่า "มีผีแน่นอน" แต่อย่าลืมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในมหาวิทยาลัยท่านก็จะคุ้มครองพวกเราเช่นกัน เพราะน้องๆ อย่าลืมว่า ส่วนใหญ่ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยก็มักจะเป็นสถานที่ราชการผ่านเรื่องราวมานานหลายเหตุการณ์ แต่ถึงแม้ประวัติจะชวนขนหัวลุกขนาดไหน พี่ว่าก็ยังดูปลอดภัยกว่าหอนอกนะ

              เอาล่ะ ทั้ง 4 ข้อนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ 555 แต่จากสถิติที่น้องๆ มาตั้งกระทู้หาหอในบอร์ดเด็กดี "เรื่องผี" มาเป็นอันดับ 1 ที่น้องๆ หลายคนอยากรู้มากที่สุด ฮ่าฮา (ประมาณว่าแพงไม่ว่า ขออย่ามีผี) 555 สุดท้ายนี้ก็อยากฝากน้องๆ ไว้ว่า "คนดีผีคุ้มครับ" ไม่ว่าจะอยู่หอไหน ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ กุ๊ก กุ๊ก กู๋ คร้าบบบ

                                  http://www.dek-d.com/lifestyle/35040/

เรื่องลี้ลับในสถาบัน ตอน...สุสานรถ


       สวัสดีครับ เรื่องลี้ลับในสถาบัน มาแล้วครับ สัปดาห์นี้ไม่ใช่เรื่องผีในสถาบัน แต่เพราะหลอนมาก เลยไม่พลาดที่จะนำมาฝากกัน ใครก็ตามที่เดินทางไปต่างจังหวัดด้วยรถยนต์บ่อยๆ ต้องไม่พลาดเรื่องนี้ครับ สำหรับดิฉันแล้วยกให้เป็น เรื่องหลอนอันดับต้นๆ เลย เรื่องราวจะเป็นยังไงไปติดตามจากเรื่องเล่าของ น้อง Kanokpol วันนี้เสนอชื่อตอน "สุสานรถ"


   
      ผมเชื่อว่าหลายคนเคยเจอมีคนมาโบกรถบ้างมายืนผ่านรถบ้างแต่เรื่องดิฉันแปลกแหวกแนวแค่ไหนมาดูกัน

      ผมเคยมีลุงที่เป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษ ลุงดิฉันเคยเจออะไรประหลาดหลายเรื่องแต่เรื่องนี้โดนใจผมมาก เรื่องมีอยู่ว่า... ลุงผมได้ไปที่จังหวัดขอนแก่นเพื่อไปหาย่า ผมระหว่างทางเข้าตัวเมืองขอนแก่น และเลี้ยวเข้าไปในซอยรถก็เกิดดับ ลุงผมเลยหารถเพื่อพาไปบ้านย่าก่อน เพราะมันอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านย่ามาก ลุงผมรอรถผ่านอยู่เวลานานก็ไม่มีรถจึงเดินไปเรื่อยๆ จนเห็นรถคันหนึ่งขับสวนมา ลุงผมเลยโบกรถ และรถคันนั้นก็หยุด

      รถคนนั้นหยุดในระยะไม่ไกลจากลุงผมมาก ลุงผมเลยบอกเดินตรงไปทางกระจกรถแล้วพูดว่า "ขอติดรถไปด้วยได้ไหมครับ ผมจะลุงที่หมู่บ้าน...." คนขับก็พยักหน้า ลุงผมเลยขึ้นไปบนรถ ลุงผมได้กลิ่นสาบเหม็นฉุนมากเหมือนหนูตายแต่ก็ไม่พูดอะไร ขับไปได้สักนิดลุงผมก็ง่วงนอนขึ้นมา และหลับไป ลุงผมมาสะดุ้งตื่นอีกทีตอนดึกมาก แต่ไม่รู้ว่ากี่โมงและมองสำรวจรอบๆ ตัว ลุงผมเห็นรถคันที่ลุงขึ้นมาเป็นรถที่เละ พังไปหมด

      ลุงผมเดินมาเรื่อยๆ ก็เห็นชาวบ้านคนหนึ่งเลยถามว่า "ลุงที่นี้ที่ไหน" ลุงคนนั้นก็ตอบว่านี่มันสุสานรถเว้ย.. ว่าแต่เองเข้ามายังไงเนี่ยไม่เคยเห็นเลย ลุงผมเลยตอบว่า "ผมไม่รู้ ผมติดรถคันหนึ่งมารถผมเสียระหว่างทางเลยขอติดรถมาด้วย" ลุงคนนั้นทำหน้าเบื่อๆ แล้วกล่าว "เองโดนผีหลอกแล้วละ มีคนโดนหลายคนแล้วแต่ไม่เท่าเอ็ง แล้วเอ็งติดคันไหนมา" ลุงผมเลยชี้ไปที่รถคันนั้น

      คราวนี้ชาวบ้านคนนั้นทำหน้าเหวอเลย เขาบอก "รถนั้น เป็นรถที่ถูกนำมาทิ้งไว้นานแล้ว เจ้าของขับไปชนต้นไม้ เสียชีวิตคาที่เลย" จังหวะนั้นลุงผม แทบช๊อค พูดไม่ออก ได้แต่นิ่ง กลับบ้านแบบเหวอไปเลย!!




                                อ่านเรื่องเพิ่มเติมได้ที่นี้